“ความแน่นอน คือ ความไม่แน่นอน” เรื่องที Workplace Leader ควรต้องยอมรับ
เมื่อทั่วโลกกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์ใหม่ “Omicron”
ไม่มีใครรู้ว่าอนาคต และ สถานการณ์การทำงานในออฟฟิศ จะเป็นเช่นไร ?
CR. Springnews
บทเรียนสำคัญจาก COVID-19 สายพันธุ์ Delta ทำให้องค์กรต่างเร่งปรับตัวเข้าสู่การทำงานแบบ “Hybrid Working” กันมากขึ้น
ดังนั้น Workplace Leader ควรวางแผนกลยุทธ์ในรูปแบบการทำงาน เพื่อรับมือทุกสถานการณ์ เพราะ Omicron อาจส่งผลให้เกิดมาตรการ Lockdown, ชะลอการ Return to Work และอื่นๆ อีกมากมาย
ออฟฟิศรูปแบบใหม่ในคอนเซปต์ “Hybrid Workplace” จะเป็นทางออกที่ดี
ที่จะช่วยให้องค์กรรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนได้อีกครั้งหนึ่ง
องค์กรที่ยังไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือจริงจังกับรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นนี้ ควรใช้โอกาสนี้ทดลอง Model Hybrid Working ทำให้พนักงานเกิดประสบการณ์การทำงานที่ดีและประสบการณ์เดียวกัน ทั้งจากการทำงานที่บ้าน ออฟฟิศ และสถานที่ทำงานอื่นๆ
ไปดูกันดีกว่าว่า 3 กลยุทธ์สำคัญช่วยให้องค์กรปรับตัวเพื่อรับมือกับ Omicron ได้นั้น มีอะไรบ้าง
1. “Stay Hybrid Working”
องค์กรควรปรับการทำงานให้มีความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น หรือที่เรียกว่า “Hybrid Working” เพื่อรับมือกับ New Normal ครั้งใหม่ของการทำงานในอนาคต
Hybrid Working คือ รูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นที่ให้พนักงานมีอิสระ ในการเลือกสถานที่ทำงาน ภายใต้ Flexible Working Policy ขององค์กร สามารถสลับทำงานที่บ้านกับออฟฟิศ เช่น ทำงานที่บ้าน 3 วัน และเข้าออฟฟิศ 2 วัน เป็นต้น
ออฟฟิศจะถูกนิยามใหม่ให้เป็นพื้นที่สำหรับงานประเภท Collaboration มากขึ้น
เพื่อลดความหนาแน่นของพื้นที่ทำงาน และลดการแพร่ระบาดของโรค รวมถึงในอนาคต “Hybrid Working” จะกลายเป็นกลยุทธ์ในระยะยาวในหลายๆองค์กร แม้สถานการณ์ COVID-19 จะดีขึ้นหรือหายไป
2. “Invest in Technology”
เมื่อออฟฟิศเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเป็น Hybrid Working การนำเทคโนโลยีมาใช้บริหารจัดการพนักงานเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เพราะ HR หรือ หัวหน้าทีม ควรรู้ข้อมูลต่างๆ ของพนักงาน การ Clock in-out รวมถึงสถานที่ทำงาน ของพนักงาน
การกำหนด Flexible Working Policy ให้กับพนักงานทุกคน วันไหนที่พนักงานต้องเข้าออฟฟิศหรือวันไหนทำงานที่บ้าน
นอกจากนี้องค์กรเองก็ควรให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาบริหารจัดการพื้นที่ให้ปลอดภัย ในด้านความสะอาด การจัดพื้นที่ทำงานแบบ Social Distance และระบบการจองพื้นที่ทำงานและห้องประชุมแบบออนไลน์ ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับพนักงาน
เมื่อพนักงานต้องเข้ามาทำงานในออฟฟิศ
3. “Learning from Data”
การที่องค์กรมี Technology Platform จะช่วยให้องค์กรมีการเก็บ Data ทำให้รู้ Insight ของพนักงาน และความต้องการการใช้พื้นที่อย่างแท้จริง
โดยองค์กรสามารถนำข้อมูลเหล่านั้นมาวางกลยุทธ์ ปรับพื้นที่การทำงานให้สอดคล้องกับการทำงานของพนักงานเมื่อต้องเข้าออฟฟิศ ทำให้พนักงานเกิด Productivity และประสบการณ์การทำงานที่ดี
เช่น พนักงานบางคนเข้าออฟฟิศ เพื่อพูดคุยกับทีม บางคนเข้าออฟฟิศมาเพราะถูกรบกวนจากการ Work from Home และ ทีม Marketing เข้ามาประชุมทีมเรื่องกลยุทธ์การตลาด
จาก Data ที่ได้ ทำให้องค์กรสามารถจัดพื้นที่ทำงานส่วนกลางให้เพียงพอกับพนักงาน
จัดพื้นที่ Focus Area พร้อมทั้งปรับลดพื้นที่ทำงานบางส่วนที่ไม่มีผู้ใช้งาน
เช่น Fixed Desk เป็นต้น
ดังนั้น องค์กรที่นำทั้ง 3 กลยุทธ์สำคัญ เพื่อนำไปปรับใช้กับออฟฟิศ จะเป็นทางออกที่ดี เพื่อให้การทำงานของพนักงานยังคงเกิดประสิทธิภาพสูงสุด และไม่ลดเลยเรื่องความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของพนักงาน
องค์กรที่ต้องการคำปรึกษา เพื่อวางกลยุทธ์ในการก้าวเข้าสู่การทำงาน Hybrid Working
และนำเทคโนโลยีแพตฟอร์มบริหารจัดการพื้นที่การทำงาน
อย่าง แพลตฟอร์ม “Workplace Plus” แพลตฟอร์ม All-in-One ที่จะช่วยให้องค์กรบริหารจัดการพื้นที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Fanpage Exzy Workplace Plus
หรือติดต่อได้ที่
Tel : 096-9595-193
Email : Contact@exzy.me
Inbox : m.me/exzyworkplaceplus