เมื่อรูปแบบการทำงานเปลี่ยนไปสิ่งที่องค์กร หรือ HR นั้นควรจะต้องใส่ใจนั่นคือการสร้างประสบการณ์ทำงานที่ดีให้กับพนักงาน หรือที่เรียกกันว่า Employee Experience นั่นเอง ที่จะเป็นตัวช่วยให้พนักงานให้มี Productivity ดียิ่งขึ้น หลายบริษัทจึงต้องมีกลยุทธ์ในการบริหารจัดการอย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ
Employee Experience หมายถึงอะไร
Employee Experience คือ Journey ที่พนักงานต้องเจอเมื่อมาทำงานที่ออฟฟิศ ซึ่งรวมไปถึงกิจกรรมตลอดการทำงานของพนักงานที่เกี่ยวข้องกับบทบาทของพนักงานแต่ละคน เช่น พื้นที่ทำงาน ผู้จัดการ และความเป็นอยู่ที่ดี เป็นต้น
หัวใจสำคัญอย่างหนึ่งของการขับเคลื่อนองค์กร
จากผลการวิจัยของ Gallup ได้พบว่ามี 11% ของพนักงานรู้สึกว่ามีความผูกพันต่อองค์กร ซึ่งทำให้พนักงานกลุ่มนี้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และต้องการที่จะสร้างผลงานที่ดีให้กับองค์กร ส่วน 62% ไม่เกิดความรู้สึกผูกพัน พนักงานกลุ่มนี้จะรู้สึกมาทำงานเพียงเพราะจำเป็น ทำงานเท่าที่ทำได้หรือได้รับมอบหมายเท่านั้น
จะเห็นได้ว่าการที่องค์กรสร้าง Employee Experience ที่ดีให้กับพนักงานก็จะส่งผลกระทบเชิงบวกต่อธุรกิจด้วย โดยประสบการณ์ที่ดีนั้นสามารถเกิดขึ้นได้หลากหลายรูปแบบ อาทิเช่น กระบวนการทำงาน การติดต่อสื่อสารภายใน การประสานงาน การทำกิจกรรมร่วมกัน หรือการอบรม เป็นต้น
ซึ่งสิ่งต่างๆเหล่านี้ล้วนเป็นการสร้างประสบการณ์ให้กับพนักงาน เมื่อพนักงานมีส่วนร่วม (Engagement) และเกิดประสบการณ์เชิงบวก จะทำให้เกิดความผูกพันธ์ ทุ่มเท และมีความเอาใจใส่ในงาน จนนำไปสู่การสร้างผลงานที่มีประสิทธิภาพให้กับองค์กร
ถ้าองค์กรไม่สร้าง Employee Experience เลยอาจจะต้องเสียคนที่เก่ง หรือมีความสามารถไป เนื่องจากพนักงานไม่เกิดความรู้สึกว่าองค์กรสามารถตอบโจทย์การทำงานของพวกเขาได้ ฉะนั้นแล้วในยุค Technology Disrupt เช่นนี้ องค์ยิ่งต้องเร่งปรับตัวเพื่อดึงดูดและตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ที่ต้องการให้เข้ามาร่วมงานด้วย
สูตรสำเร็จของ Employee Experience ที่มีประสิทธิภาพในยุคแห่งโลก Hybrid Working
ภาพจาก Jacob Morgan
Jacob Morgan ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการทำงานยุคใหม่ เช่น The Future of Work, The Future Leader, และ The Collaboration Organization เขาได้มองเห็นถึงเทรนด์และวิธีการทำงานที่เปลี่ยนไปในแต่ละยุค ทำให้ได้คิดสมการในการสร้าง Employee Experience ที่ดีว่าควรประกอบไปด้วย 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ Cultural Environment Technological Environment และ Physical Space Environment
1. วัฒนธรรมองค์กร Cultural Environment
ทุกองค์กรนั้นมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันออกไป ซึ่ง Jacob ได้เสนอว่า Employee Experience นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่วันแรกของการเข้ามาสัมภาษณ์ โดยจะเป็น Journey แรกของพนักงานที่จะทำให้รู้สึกว่าพวกเขาเหมาะกับลักษณะในการทำงานในองค์กรหรือไม่
ซึ่ง HR หรือองค์กรควรสื่อสารให้ชัดเจนเกี่ยวกับหน้าที่ในการรับผิดชอบ (Job Description) รวมไปถึงการสร้างการทำงานร่วมกันภายในทีมหรือแผนก การอบรมพัฒนาศักยภาพต่างๆ และเป้าหมายขององค์กร นอกจากนี้ยังมีในส่วนของสวัสดิการ สร้างความมั่นใจ ปลอดภัย และไม่เลือกปฏิบัติ โดยสิ่งเหล่านี้จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิดประสบการณ์ที่ดีเยี่ยมให้กับพนักงานได้
ยิ่งไปกว่านั้นการสร้าง Mindset ของคนในองค์กรก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพราะการทำให้คนในองค์กรเชื่อร่วมกัน และมีเป้าหมายเดียวกันนั้นก็จะเป็นการทำให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนและเติบโตไปได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยเช่นกัน
2. สภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยี Technological Environment
เนื่องจากในยุคปัจจุบันเป็นยุคของ Technology Disruption และแทบจะทุกองค์กรหรือธุรกิจปรับเปลี่ยนการทำงานด้วยการใช้เทคโนโลยีเข้ามาบริหารจัดการส่วนต่างๆ ในการทำงานร่วมกันอย่างแพร่หลาย ยิ่งโดยเฉพาะในช่วงเวลาของ COVID-19 เพื่อให้สามารถดำเนินงานต่อไปได้ ตัวอย่างเช่น ZOOM, Microsoft Team, Google Meet, หรือ CISCO WebEx เป็นต้น
ซึ่งการสร้างประสบการณ์ของพนักงานในยุค Flexible Working เป็นมากกว่าการช่วยให้พวกเขาทำงานให้เสร็จ แต่เป็นการบริการจัดการพื้นที่และพนักงานได้อย่างเป็นระบบระเบียบ อำนวยความสะดวกให้กับพนักงานในการใช้พื้นที่ขององค์กร
ระบบ Workplace Plus มีบทบาทสำคัญในการช่วยปรับปรุงและส่งเสริมประสบการณ์ของพนักงานในยุคของการทำงานแบบ Hybrid Working พร้อมทั้งช่วยให้สามารถบริหารพื้นที่ทำงานได้อย่างครบวงจรภายใต้แพลตฟอร์มเดียว ช่วยให้พนักงานสามารถจองพื้นที่ทำงานผ่านระบบได้ทุกที่ทุกเวลาเมื่อต้องการเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ และนอกจากนี้ HR ก็สามารถที่จะตรวจสอบและติดตามได้อย่างง่ายดาย
Workplace Plus ยังช่วยให้ HR หรือผู้บริหารองค์กรก็สามารถเห็นความต้องการของพนักงานว่าสถานที่ไหนที่พนักงานต้องการนั่งทำงานและเกิด Productivity สูงสุดจากข้อมูลในระบบ โดยการนำ Technology อย่างแพลตฟอร์ม Workplace Plus เข้ามาในใช้ในองค์กรนี้ พนักงานเองจะได้รับ Experience ใหม่ๆ ที่ดียิ่งขึ้น และองค์กรยังสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคตได้รวดเร็ว
ประโยชน์ของการสร้าง Employee Experience ด้วยเทคโนโลยี
- มีอิสระในการเลือกสถานที่ทำงานหรือพื้นนที่ทำงานได้เอง
- สามารถช่วยให้พนักงานเข้าถึงพื้นที่ทำงานที่ส่งผลต่อ Productivity ของแต่ละคนได้
- ส่งเสริมการทำงานร่วมกันของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. สภาพแวดล้อมในพื้นที่ทำงาน Physical Space Environment
รูปแบบออฟฟิศเป็นการสร้างประสบการร์ทำงานที่ให้กับพนักงานได้ หลายบริษัททั่วโลกหันมาปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำงานให้มีหลากหลายรูปแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับการทำงานที่เปลี่ยนไป พร้อมช่วยให้เกิด Productivity ในการทำงานแต่ละประเภท
ยกตัวอย่างเช่นออฟฟิศของ Google ที่มีหลากหลายโซน เช่น มุมพักผ่อน มุมนั่งทำงานคนเดียว โต๊ะทำงานส่วนกลาง มุมสำหรับประชุมทีม หรือ โซนคาเฟ่ เป็นต้น ซึ่งการจัดพื้นที่ออฟฟิศให้โดดเด่นจะเป็นการสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับพนักงานได้อย่างยอดเยี่ยม
ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการจัด Workspace สามารถสร้าง Employee Experience ที่ดีที่ให้ความรู้สึกเกิดความพึงพอใจในการทำงาน และรู้สึกไม่น่าเบื่อในเวลาทำงาน มีส่วนช่วยในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนในองค์กรได้อีกด้วย
ภาพจาก haltian
จากภาพรวมสมการสร้าง Employee Experience 3 ด้านของ Jacob Morgan นั้นเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่จะทำให้พนักงานนั้นคิดและมีเป้าหมายเดียวกัน รู้สึกอยากที่จะทำให้เกิดผลดีกับองค์กร และการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ทำให้กระบวนการทำงานนั้นง่ายและมีประสิทธิภาพที่เห็นได้ชัด ส่งเสริมการทำงานร่วมกันของพนักงาน พร้อมตอบโจทย์การทำงานที่เปลี่ยนไป และช่วยในการบริหารจัดการทั้งคนและพื้นที่ได้อย่างเป็นระบบ
นอกจากนี้แล้วการจัดสถานที่ทำงานยังช่วยสร้างประสบการทำงานของพนักงานอย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และยังช่วยให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่มีอยู่ให้สอดคลองกับลักษณะงานแต่ละประเภทได้ หากมีสิ่งๆต่างเหล่านี้ก็จะทำให้พนักงานมีประสบการณ์ที่ดี ประทับใจ และผูกพันกับองค์กรได้
สรุป
พนักงานคือกำลังสำคัญของการดำเนินงานหรือธุรกิจ หากองค์กรมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานก็จะยิ่งช่วยส่งเสริมและขับเคลื่อนองค์กรไปสู่เป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ตามการสร้างประสบการณ์ที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย แต่สิ่งหนึ่งที่องค์กรไม่อาจหลีกเลี่ยงได้นั่นก็คือการใช้ Technology ที่จะเป็นกุญแจสำคัญขององค์กรที่ไม่ใช่เพียงแค่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยส่งเสริมและพัฒนากระบวนการทำงานของพนักงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดอีกด้วย
แพลตฟอร์ม Workplace Plus รองรับสิ่งต่างๆ เหล่านี้โดยช่วยให้พนักงานค้นหาพื้นที่ทำงานและการบริหารจัดการพื้นที่มาไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ครอบคลุมความต้องการพื้นฐาน เช่น เวลาในการเข้า-ออก การเข้าใช้พื้นที่ทำงาน เช่น การจองห้องประชุม การจองโต๊ะทำงาน การจองล็อคเกอร์ เป็นต้น ให้พนักงานของคุณสามารถเกิดประสบการณ์เชิงบวกขณะมาทำงานที่ออฟฟิศ หรือไม่ว่าทำงานจากที่ต่างๆ สามารถติดต่อได้ที่ ExzyWorkplacePlus 096-9595-193 หรือ contact@exzy.me