ย้อนกลับไปในสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2563 องค์กรเลี่ยงไม่ได้
ที่ต้องใช้นโยบาย Work from Home เพื่อความปลอดภัยของพนักงานและให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้
แต่เมื่อสถานการณ์ COVID-19 เริ่มดีขึ้น รวมถึงส่วนใหญ่คนในประเทศได้รับวัคซีน ธุรกิจหลายประเภทเริ่มกลับมาดำเนินการตามปกติ บริษัทต่างๆ วางแผนให้พนักงาน Return to Work ถึงแม้ว่าการ
Work from Home จะค่อนข้าง Flexible กับพนักงาน แต่ต้องยอมรับว่าการกลับมาทำงานที่ออฟฟิศเองนั้นก็มีประโยชน์และให้ผลลัพธ์ที่ดีกับพนักงานเช่นเดียวกัน
ไปดูกันดีกว่าว่า 4 ข้อดีเมื่อต้องกลับไปทำงานที่ออฟฟิศนั้นมีอะไรบ้าง
1. Return to Work ช่วยเพิ่ม Productivity มากขึ้น
การ Work from Home ถึงแม้จะเป็นโซลูชันที่ปลอดภัยในสถานการณ์ COVID-19 แต่พนักงานหลายคนต้องเคยประสบกับปัญหาสภาพแวดล้อมที่ไม่พร้อมในการทำงาน ถูกรบกวนจากสิ่งรอบข้างในบ้าน ทำให้งานหลุดโฟกัสและไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร รวมถึงสภาพแวดล้อมและ Facility ที่ไม่เอื้อต่อการทำงานเท่ากับที่ออฟฟิศ
แน่นอนว่าออฟฟิศเป็นสถานที่หนึ่งที่มีสภาพแวดล้อมที่เอื้อและเตรียมพร้อมสำหรับการทำงานมากกว่าการทำงานที่บ้าน มี Facility ที่ครบครัน ทั้งยังไม่มีสิ่งรบกวนจากที่บ้าน ช่วยให้งานดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ และราบรื่นมากขึ้น
2. พื้นที่ Collaboration ช่วย Brainstorm ไอเดียเจ๋งๆ
ไอเดียดีๆ มาจากการ Brainstorm กับเพื่อนร่วมงานที่ออฟฟิศ แต่เมื่อมี COVID-19 หลายองค์กรต้องปรับใช้ Video Call เพื่อประชุมทีม และพบว่าการประชุมออนไลน์นั้นไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ดังนั้นหลายบริษัทเลยมีนโยบาย Flexible Working Policy เพื่อให้พนักงานกลับไปออฟฟิศใน 2-3 วัน
ต่อสัปดาห์ เพื่อประชุมและพูดคุยกับเพื่อนร่วมทีม
หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ส่งผลทำให้นิยามของออฟฟิศจะเปลี่ยนไป พื้นที่สำหรับงานประเภท Brainstorm หรือ Collaboration มากยิ่งขึ้น
อย่างเช่น บริษัท Apple เชื่อใน Creative Collaboration ออฟฟิศของบริษัทนี้จึงให้ความสำคัญกับการดีไซน์พื้นที่ ให้พนักงานได้ออกไอเดียด้วยกัน จนเกิด Productivity มากขึ้น
รวมถึงหลายๆ บริษัทเองก็หันมาให้ความสำคัญและลงทุนในส่วนของ Workplace Design เพื่อสร้างพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อให้พนักงานเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย คิดไอเดียดีๆ เพิ่ม Productivity มากขึ้น
3. สร้าง Community ในที่ทำงานมากขึ้น ลดความซึมเศร้าจากพนักงาน
การกลับไปทำงานที่ออฟฟิศจะช่วยให้พนักงานรู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดีมากขึ้น พนักงานหลายคนซึมเศร้าและค่อนข้างหดหู่เมื่อต้อง Work from Home การกลับมาทำงานที่ออฟฟิศจะช่วยให้พนักงานสามารถติดต่อ สร้างปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมทีมและเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ได้ รวมถึงการทำกิจกรรมภายในและภายนอกออฟฟิศร่วมกัน ซึ่งส่งผลไปถึง Productivity ของงานเช่นเดียวกัน
4. หลายองค์กรเตรียมพร้อมปรับตัวเข้ากับ Hybrid Working
สถานการณ์ COVID-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในการทำงาน ส่งผลให้หลายองค์กรหันมาปรับใช้ Hybrid Working เพื่อรองรับ Flexible Working กันมากขึ้น โดยองค์กรสามารถกำหนดนโยบาย Flexible Working Policy โดยการคำนึงถึงสถานที่ทำงานที่เหมาะสม ไม่หนาแน่นหรือแออัดจนเกินไป เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัยของพนักงาน และจัดตารางการเข้าออฟฟิศของพนักงาน นำเทคโนโลยีการบริหารจัดการพื้นที่สำนักงานและพนักงานเข้ามาช่วย
การ Return to Work หลังสถานการณ์ COVID-19 ค่อนข้างจะเป็นโจทย์ที่ Challenge กับ HR หรือเจ้าของธุรกิจพอสมควรในการกำหนด Policy ที่เหมาะสม เพื่อต้อนรับพนักงานเข้าทำงาน หรือบางออฟฟิศวางแผนเพื่อปรับเปลี่ยนพื้นที่ออฟฟิศแบบบใหม่กันยกใหญ่
นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อให้เกิด Social Distancing ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้ งานเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยยึดความปลอดภัยของพนักงาน เช่นเดียวกับพนักงานเองที่ต้องปรับตัวกับการทำงานยุคใหม่ เพราะไม่มีใครรู้ว่า COVID-19 จะกลับมาระบาดระลอกใหม่
อีกหรือไม่…
แล้วองค์กรของคุณได้วางแผนการทำงานยุคใหม่ เพื่อรองรับการกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ
ในยุค New Normal กันหรือยัง?
E-Book เล่มนี้จะช่วยให้องค์กรมีกลยุทธ์ในการ Return to Work บริหารจัดการพนักงานให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพมากขึ้น Download Free!